Curatorial essay: Thanchanok Benjajinda
In ‘No Distance to Khon Pi Laung’ exhibition, ubatsat uses his art to put the spotlight on an urgent environmental issue surrounding the Mekong river, particularly in Khon Pi Luang. From its significance and disturbance, the artist presents the result of his empirical on-field research in his artworks.
The exhibition features 2 bodies of work. Created specifically for this exhibition is a large scale painting on canvas and a documentary video titled ‘No Distance to Khon Pi Luang.’ This artwork is in dialogue with ‘White Eel in the Dawn of the Exile’ which consists of 168 wood panels using a printmaking technique.
‘No Distance to Khon Pi Luang’ is a semi-abstract painting depicting a huge rock formation known as ‘Pha Year’ or Year cliff which is located in Khon Pi Luang’s area. Through the artwork, ubatsat intends to present the area’s biodiversity and rich history that are currently in a precarious state.
Khon Pi Laung is an underwater trench with aggressive water channels; often resulting in a dangerous whirlpool where the locals believe ghosts would wander into and get lost, hence the name in Thai—คอนผีหลง. Located in Chiang Khong district, Chiangrai, it comprises 11 unique ecosystems native to the Mekong, where various species feast, nurse and shelter. It also nourishes the communities along both sides of the river by providing a ground for fishery with perfect conditions for native freshwater organisms to thrive. Khon Pi Luang enriches the communities spiritually as well. It provides a ground for folklore to stem and answer their curiosity towards mystical nature, and a place where their origin – their identity can nestle in.
Pha Year is one of half-submerged rock formations in Khon Pi Luang that form a significant vantage point for its locale and accordingly an impediment to foreign intervention. Structures of this kind help to subdue strong currents during the wet season and retain a slow current in the dry season. Consequently, this contributes to a more stable progress through a continuum of seasonal changes, rather than an abrupt one. Pha Year, therefore, symbolizes a mediator between Khon Pi Luang and external influences. The Mekong river is the longest river in Southeast Asia, which stretches through 6 territories. It was supposed to be an international trade route if not for its rocky river bed that makes navigation difficult. In fact, multiple projects sponsored by powerful stakeholders aiming to blast open the Mekong have been persistently proposed throughout the last decades. Metaphorically presented as an analogy of an obtrusive expansion led by capitalistic superpowers against the natives in their motherland, ‘No Distance to Khon Pi Luang’ examines how much the distance and barrier are actually left in between.
‘White Eel in the Dawn of the Exile’ is another artwork displayed in conjunction with ‘No Distance to Khon Pi Luang.’ ubatsat compiles and externalizes both tangible and intangible components that would constitute today’s Mekong river. Since the construction of the first dam on the Mekong, it has transformed the landscape and engendered continuing conflict. With many dams built upstream within the Chinese border, countries downstream are suffering from the arbitrary rise and fall of water streams and disappearance of sediment deposits. Fishes and birds get lost in this fluctuation and find no place to shelter. Similarly, the local community gets caught up in these unpredictable circumstances that intrusively threaten their way of life. ubatsat gathers all these fractions of memory and struggle while manifesting them with different colors and forms in his work. Folklore and real-world experience of those who are living downstream are recounted in ‘White Eel in the Dawn of the Exile’, along with alien objects that are introduced as part of a mega project aiming to facilitate cross-border transport and trade in the Mekong subregion.
The ‘White Eel in the Dawn of the Exile’ is made up of wooden panels that are collectively exhibited as one large artwork, the same way that the Mekong river is presented individually. A local folklore of “The White Eel of Yonok Nakhon” which is commonly quoted in the northern region, inspired this work. They believe that before Wiang Nong Lom, there used to be an ancient city called Yonok that was sunk by the wrath of the King of Naga. He wreaked vengeance after he heard that his son, the large white (albino) eel was caught, cut into pieces, and then distributed among the citizens of Yanok as provision. Similarly, the Mekong river nowadays is also being chopped into pieces and distributed for personal utilization among its neighboring nations. Not all pieces are equal, yet an overall over-consumption and man-made perturbation are undeniably an antecedent to a potential downfall.
ศิลปิน: อุบัติสัตย์
บทความโดย: ธัญชนก เบญจจินดา
ชุมชนริมสองฝั่งแม่น้ำโขงในบริเวณคอนผีหลวง มีจังหวะชีวิตที่สอดคล้องกับกระแสน้ำโขงมาช้านาน คอนผีหลวงนี้เป็นหมู่แก่งหินขนาดเล็กใหญ่และดอนทรายที่mอดตัวอยู่กลางลำน้ำโขง นับเป็นแหล่งต้นกำเนิดความหลากหลายทางธรรมชาติที่สำคัญมากในลุ่มแม่น้ำโขง ชีวิตที่ขึ้นอยู่กับที่แห่งนี้มีตั้งแต่มนุษย์หลายรุ่น สัตว์บกและสัตว์น้ำ ไปจนถึงพืชพันธุ์ต่าง ๆ ทุกวิถีของชีวิตล้วนหมุนเวียนสอดคล้องไปตามจังหวะการเปลี่ยนแปลงในแต่ละฤดูน้ำแห้งและฤดูน้ำหลาก สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตได้อาศัยร่วมถิ่น และเกื้อกูลซึ่งกันและกันมาอย่างเรียบง่ายไร้กังวล จนกระทั่งเมื่อสี่ทศววรษก่อน ที่โครงการก่อสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงได้ถูกอนุมัติ
ในนิทรรศการ “No Distance to Khon Pi Luang” นี้ อุบัติสัตย์ ได้สร้างสรรค์ผลงานหลายชิ้นหลายสื่อโดยมีเป้าหมายผลักดันปัญหาสิ่งแวดล้อมสู่สังคม และเพื่อให้ผู้คนได้ตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันในลุ่มแม่น้ำโขง ศิลปินใช้เวลาเพื่อทำความเข้าใจและเข้าถึงปัญหาภาพกว้างนี่จากระดับปัจเจกและชุมชน โดยได้ลงพื้นที่และใช้เวลาฟังทั้งเรื่องเล่าขาน ความภาคภูมิใจ และความคับข้องใจของผู้คนในท้องที่ ที่สุดท้ายได้ถูกนำเสนอออกมาในงานทุกชิ้นของนิทรรศการ
ชิ้นงาน No Distance to Khon Pi Luang เป็นชิ้นที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อนิทรรศการนี้โดยเฉพาะ งานจิตกรรมกึ่งนามธรรมนี้ เป็นรูปวาดของก้อนหินขนาดใหญ่ในพื้นที่คอนผีหลวงที่มีชื่อว่าผาเยียร์ อุบัติสัตย์ต้องการบอกเล่าถึงความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ตำนานท้องถิ่น ที่ปัจจุบันตั้งอยู่บนความผันผวนไม่แน่นอน ผ่านรูปวาดขนาดใหญ่ และวิดิทัศน์สารคดี
คอนผีหลวงมีลักษณะเป็นร่องใต้น้ำที่กระแสน้ำเชี่ยวมักม้วนตัวเกิดเป็นน้ำวน คนในท้องที่เชื่อว่าวิญญาณของคนตายมักไหลวนหลงเข้ามา หลายครั้งจึงถูกเรียกด้วยชื่อ “คอนผีหลง” คอนผีหลวงอยู่ในบริเวณอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย นับเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่สำคัญ เพราะประกอบไปด้วยระบบนิเวศน์ถึง 11 แห่ง ที่เป็นทั้งแหล่งอาหาร ที่อยู่อาศัย และแหล่งเพาะพันธ์ุของสัตว์น้ำและนกท้องถิ่น ปลาหลายชนิดว่ายทวนกระแสน้ำขึ้นมาวางไข่ ในขณะที่นกสร้างรังและกกไข่บนพื้นทรายในหน้าน้ำลด สำหรับมนุษย์ นอกจากจะเป็นแหล่งประมงที่คอยหล่อเลี้ยงชุมชนแล้ว คอนผีหลวงยังเป็นบ่อเกิดของความเชื่อ และเรื่องเล่ามากมาย ทุกแก่ง ทุกดอน ทุกผา ทุกช่องล้วนมีเรื่องราวและที่มาที่ไปที่เกี่ยวพันกัน ตำนานที่ถูกเล่าขานสืบต่อกันมาช่วยบรรเทาข้อสงสัยที่มนุษย์ในอดีตเคยตั้งคำถามกับความชวนพิศวงของธรรมชาติ และต่อมาก็ถูกหลอมรวมเป็นอัตลักษณ์ร่วมที่คนท้องที่ร่วมรักษา นี่รวมไปถึงผาเยียร์ ผาสำคัญที่รับหน้าที่เป็น ‘ด่านหน้า’ ของชุมชนคอนผีหลวง
ผาเยียร์ เป็นหนึ่งในหินขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านจนพ้นเหนือน้ำในแก่งหินของคอนผีหลวง ผาเยียร์ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่คอยสกัดกั้นภัยจากภายนอก ด้วยลักษณะที่มีขนาดใหญ่มากจนสามารถเห็นส่วนบนเหนือระดับน้ำตลอดทุกฤดู แก่งผาเหล่านี้จึงช่วยลดแรงปะทะของกระแสน้ำในฤดูน้ำหลาก และชะลอไว้ในฤดูน้ำแห้ง นับเป็นด่านสำคัญที่ช่วยรักษาสมดุลให้การเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลเกิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงอาจมองว่าผาเยียร์เป็นผู้ปกป้องรักษาผลประโยชน์ให้ชุมชนจากแรงปะทะจากภายนอก แม่น้ำโขงนับเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ที่ควรจะได้เป็นเส้นทางขนส่งขนสำคัญระหว่างทั้ง 6 ประเทศริมฝั่ง ถ้าไม่ใช่เพราะท้องน้ำมักเต็มไปด้วยแก่งหินจากใต้น้ำที่ขัดขวางการเดินเรือขนาดใหญ่อย่างผาเยียร์ เพราะเหตุนี้ หลายทศวรรษที่ผ่านมา แผนระเบิดหินเหล่านี้ที่สนับสนุนโดยนายทุนต่างชาติจึงได้ถูกผลักดันอยู่เรื่อย ๆ รูปภาพของผาเยียร์ในชิ้นงาน No Distance to Khon Pi Luang นี้จึงถูกวาดขึ้นเป็นเพื่อเชื้อเชิญให้ลองมองดู ว่าระยะระหว่างการแผ่ขยายอิทธิพลมหาอำนาจในโลกทุนนิยมกับชาวบ้านที่อาศัยในมาตุภูมิของตน แท้จริงแล้วเหลืออีกใกล้ไกลกี่มากน้อย และระหว่างนั้นยังพอเหลืออีกกี่ด่านกั้นกันแน่
“White Eel in the Dawn of the Exile” หรือ ปลาไหลเผือก เป็นอีกหนึ่งชิ้นงานที่ถูกจัดแสดงคู่กับ No Distance to Khon Pi Luang อุบัติสัตย์จัดวางส่วนประกอบจากทั้งสิ่งของ และสถานที่จากโลกจริง กับการตีความจากตำนานเรื่องเล่าขานที่เป็นนามธรรมรวมกันในหนึ่งชิ้นงาน เพื่อแสดงถึงการแทรกแซง และความแปลกแยกที่กำลังเกิดในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงในปัจจุบัน ตั้งแต่หลังการสร้างเขื่อนแห่งแรกบนแม่น้ำโขง การไหลของกระแสน้ำไม่ได้อิงตามฤดูเป็นหลักอีกต่อไป ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้นี้ได้จุดชนวนให้เกิดข้อพิพาทระหว่างหลายประเทศ เขื่อนอีกจำนวนมากได้ถูกสร้างขึ้นในประเทศจีนซึ่งนับว่าเป็นเขตตอนบนของลุ่มน้ำโขง ส่งผลให้ประเทศตอนล่างของแม่น้ำทั้งหมดประสบกับปัญหาน้ำไหลไม่ตรงตามฤดูกาล นอกจากนี้ตะกอนแม่น้ำที่ล้วนถูกเขื่อนกั้นไว้ ยิ่งระดับน้ำขึ้น-ลงผันผวน ทั้งนกและปลาจึงไม่สามารถขยายพันธุ์อย่างปลอดภัยได้อีก ชุมชนริมฝั่งน้ำเองก็ใช้ชีวิตอยู่บนไม่แน่นอนที่มีแต่จะผิดแผกมากขึ้น ศิลปินได้หยิบจับประเด็นทั้งหมดนี้ ทั้งเรื่องจริง และเหนือจริงมาเล่าใหม่ เพื่อสื่อถึงภัยคุกคามของแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการเดินทางข้ามประเทศและการค้าในลุ่มน้ำโขงใต้ประเทศจีน ที่มุ่งปรับทัศนียภาพท้องถิ่นดั้งเดิม
White Eel in the Dawn of the Exile เป็นงานภาพพิมพ์บนแผ่นไม้หลายแผ่นที่นำมาจัดเรียงเป็นชิ้นงานเดียวขนาดใหญ่ ลักษณะคลายกับแม่น้ำโขงในปัจจุบันที่กลายเป็นส่วนสำคัญของชุมชนริมฝั่งแม่น้ำ และประเทศต่าง ๆ แต่ในภาพกว้างก็ยังถือเป็นแม่น้ำสายเดียว แนวคิดเบื้องหลังผลงานนี้ของอุบัติสัตย์ได้รับอิทธิพลมาจากตำนานท้องถิ่นเรื่องปลาไหลเผือกแห่งโยนกนคร ที่เชื่อกันว่าก่อนที่จะกลายมาเป็นหนองนางล่มในปัจจุบัน ที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของโยนกนครที่ถูกจมลงด้วยความพิโรธพญานาคราช หลังจากที่ทราบว่าชาวเมืองได้จับปลาไหลเผือกที่เป็นบุตรของตน ชำแหละและตัดแบ่งเพื่อบริโภค แม้จะด้วยความไม่รู้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นชาวเมืองโยนกนครที่ต้มน้ำแกงปลาไหลที่ต่อมาก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้ แม่น้ำโขงในตอนนี้ก็เช่นกัน นานาประเทศล้วนได้รับส่วนแบ่งของตนมา แม้ทุกชิ้นจะมีขนาดสั้นยาวไม่เท่ากัน แต่ทุกภาคส่วนย่อมต้องรับผิดชอบร่วมกัน หากวันหนึ่งการบริโภคและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เกินพอดีจะทำให้ใคร หรืออะไรบันดาลโทสะอีกครั้ง